วางแผนการเงินเพื่อเกษียณด้วย ประกันชีวิตรายปี(แบบสะสมทรัพย์)
เมื่อพูดถึง ประกันชีวิตรายปีมักนึกถึงเบี้ยทิ้งเพื่อซื้อความคุ้มครอง
แต่ในปัจจุบันบริษัทประกันได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า
"ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ระยะสั้น" หรือ "ประกันที่มีระยะเวลาแน่นอน"
ซึ่งมักมีการชำระเบี้ยประกันเพียง 1-5 ปี
และได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา
การนำประกันรูปแบบนี้มาใช้ในการวางแผนเกษียณจึงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
1. บทบาทของประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้นในการวางแผนเกษียณ
แม้จะมีความแตกต่างจาก
Term Life แบบดั้งเดิม แต่ประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาชัดเจน
(ซึ่งบริษัทอาจนำเสนอเป็นแผน ประกันชีวิตรายปี พิเศษ)
มีบทบาทสำคัญในการวางแผนการเงินดังนี้:
•สร้างวินัยการออมแบบมีเป้าหมาย:
บังคับให้ต้องออมเงินก้อนใหญ่ในช่วงเวลาสั้น ๆ
เพื่อนำเงินไปใช้เมื่อครบกำหนด (เช่น นำเงินก้อนไปลงทุนต่อ
หรือนำไปจ่ายเบี้ยประกันบำนาญในอนาคต)
•ความเสี่ยงต่ำและมีหลักประกัน: เงินต้นไม่หาย และยังได้รับความคุ้มครองชีวิตในช่วงที่ออมเงิน
•ผลตอบแทนแน่นอน: อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) มักจะกำหนดไว้ชัดเจนและสูงกว่าการฝากประจำ
2. ข้อดีของการใช้ ประกันชีวิตรายปี (แบบสะสมทรัพย์)
•ลดหย่อนภาษีได้: หากแผนมีระยะคุ้มครองยาว 10 ปีขึ้นไป (ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนั้น) ก็สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้เต็มวงเงิน
•สภาพคล่องที่ดีกว่า:
เนื่องจากมีระยะเวลาการออมที่สั้นกว่า (เช่น 5/10 หรือ 7/15)
ทำให้ได้เงินก้อนคืนมาเร็วกว่าประกันสะสมทรัพย์แบบยาว
•เป็นสะพานเชื่อมไปสู่การลงทุนอื่น:
เมื่อได้รับเงินคืนสามารถนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
เพื่อเร่งอัตราการเติบโตของเงินเกษียณ
3. กลยุทธ์การวางแผนเกษียณที่แนะนำ
•ใช้ ประกันชีวิตรายปี แบบ Term Life (เบี้ยทิ้ง) ในวัย 30-45 ปี เพื่อคุ้มครองหนี้สินและครอบครัว
•ใช้ ประกันชีวิตรายปี แบบสะสมทรัพย์ (ระยะสั้น) ในวัย 45-55 ปี เพื่อเร่งการออมเงินก้อนสุดท้ายก่อนเกษียณ
ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตรายปี
แบบเบี้ยทิ้ง (เพื่อคุ้มครอง) หรือแบบสะสมทรัพย์ (เพื่อออม)
ทั้งสองรูปแบบมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณ
การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับช่วงวัยจะช่วยสร้างความมั่นคงในวัยเกษียณได้อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น