หลักประกันเพื่ออนาคต ประกันสะสมทรัพย์เพื่อลูกรักและครอบครัว

 การวางแผนทางการเงินถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับบุตรหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการศึกษาและหลักประกันชีวิต ประกันแบบสะสมทรัพย์ จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่พ่อแม่ยุคใหม่ให้ความสนใจ เพราะไม่ได้เป็นแค่การ "ออม" แต่เป็นการสร้าง "หลักประกัน" ที่เติบโตอย่างมีวินัยไปพร้อมกัน

ประกันสะสมทรัพย์เพื่อลูกรัก ทำงานอย่างไร
ประกันสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) คือการผสมผสานระหว่าง ความคุ้มครองชีวิต และ การออมเงิน เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีจุดเด่นคือ
ชำระเบี้ยฯ สั้น คุ้มครองยาว: โดยทั่วไปจะมีระยะเวลาชำระเบี้ยประกันที่สั้นกว่าระยะเวลาคุ้มครอง
รับเงินคืนตามสัญญา: ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนด (เช่น เงินคืนรายงวด) และได้รับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบกำหนดสัญญา
มีผลตอบแทนแน่นอน: มักจะมีอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอนตามที่ระบุในกรมธรรม์

3 เหตุผลที่ประกันสะสมทรัพย์คือหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว
การเลือกทำประกันสะสมทรัพย์ ไม่ใช่แค่การฝากเงิน แต่คือการลงทุนเพื่อความมั่นคงของครอบครัวในระยะยาว:
1. เงินก้อนเพื่อการศึกษาที่แน่นอน
ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำประกันสะสมทรัพย์ตั้งแต่ลูกยังเล็กจะช่วย ล็อคเงินก้อน ไว้ใช้จ่ายในวันที่ลูกเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้ตรงตามเป้าหมาย
สร้างวินัยการออม: บังคับให้มีการออมอย่างต่อเนื่องตามกำหนดเวลาที่ชัดเจน
ลดความเสี่ยงด้านการเงิน: เงินก้อนนี้จะเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ผันผวนตามสภาวะตลาดการเงิน



2. หลักประกันชีวิตคุ้มครองรายได้ของพ่อแม่
หัวใจสำคัญของประกันชีวิตคือการปกป้องรายได้ของหัวหน้าครอบครัว ในช่วงที่สัญญาประกันยังดำเนินอยู่ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับพ่อแม่ (ผู้เอาประกันภัย) บริษัทประกันจะจ่าย สินไหมทดแทน ให้กับบุตร (ผู้รับผลประโยชน์)
เงินทุนสำรอง: เงินก้อนนี้จะเป็นหลักประกันว่าแผนการศึกษาของลูกจะไม่สะดุดลง
อุ่นใจตลอดระยะเวลาออม: ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แผนการเงินที่วางไว้เพื่อลูกก็จะบรรลุผลสำเร็จ

3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี ภาษี
เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร (สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท) ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนทางอ้อมที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการออม

การเลือกประกันสะสมทรัพย์ที่เหมาะสม
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสะสมทรัพย์ ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
เป้าหมายการเงิน: เงินก้อนนี้ต้องการใช้เมื่อบุตรอายุเท่าไหร่ (เช่น 18 ปี หรือ 22 ปี) เพื่อกำหนดระยะเวลาของสัญญา
ความสามารถในการชำระเบี้ยฯ: เลือกจำนวนเบี้ยประกันที่สามารถจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สร้างภาระทางการเงิน
ผลตอบแทน: เปรียบเทียบผลตอบแทน (IRR) และผลประโยชน์เงินคืนระหว่างบริษัทต่าง ๆ
ประกันสะสมทรัพย์ จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการสร้างสมดุลระหว่างความคุ้มครองชีวิตและการสร้างเงินออมเพื่ออนาคตที่สดใสของลูกรัก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มาดูประเภทของวัสดุและ วิธีเลือกซื้อก๊อกอ่างล้างหน้า

เทคนิคการเลือกซื้อประกันสำหรับทุกวัย

เก็บเงินก่อนวัยเกษียณด้วยประกันออมทรัพย์